เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา แถลงข่าวการเฝ้าระวังการโฆษณาด้านสุขภาพผ่านโซเชียลมีเดีย ว่า ขณะนี้สถานพยาบาลมีการแข่งขันกันมาก มีการโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียจำนวนมากด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการที่แพทย์หรือสถานพยาบาลที่ใช้บุคคลที่ 3 ในการทำประชาสัมพันธ์แทน หากเป็นเพียงการแจ้งเรื่องราคาค่ารักษานั้นจะไม่ถือว่าผิด เพราะถือเป็นประโยชน์กับประชาชนในการตัดสินใจด้วย แต่ถ้าอะไรที่เกิดผลเสียกับประชาชนแพทยสภาก็จะเข้ามาดูแล
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีผู้หญิงที่เข้าข่ายเป็นเอเจนซี่พาชายหนุ่ม หญิงสาว ที่เป็นคู่กรณีทะเลาะวิวาทกับดาราสาวแพท ณปณา ตันตระกูล ไปทำศัลยกรรมความงามฟรีที่คลินิกแห่งหนึ่ง และนำภาพมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์นั้น เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบว่าแพทย์ หรือสถานพยาบาลให้การยินยอมหรือไม่ หากทราบแล้วไม่ยอมดำเนินการ เพื่อให้มีการถอดการเผยแพร่นั้นออก ก็จะถือว่ายินยอมให้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์แทน ทั้งนี้ จะต้องมีการดูที่หลักฐานว่า มีความพยายามที่จะยับยั้งการเผยแพร่นั้นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่
พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร อุปนายกแพทยสภาคนที่ 2 กล่าวว่า เรื่องนี้จะแบ่งการพิจารณาออกเป็น 3 แนวทางคือ 1.หากมีการเผยแพร่ชื่อแพทย์ที่ทำหัตถการ จะเป็นหน้าที่ของแพทยสภาในการเข้ามาดูแล 2.หากมีการเผยแพร่ชื่อสถานพยาบาลจะมีแพทยสภา ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการ (สบส.) ในการเข้ามาดูแล และกรณีที่ 3.หากเป็นความร่วมมือกัน 3 ฝ่ายคือเอเจนซี่ สถานพยาบาล จะมีสบส.เข้ามาดูแล โดยจะเริ่มมีการพิจารณาตั้งแต่นี้เป็นต้นไปซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายใน 3-6 เดือน
ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐ์สุวรรณ ผอ.สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ สบส.ตามพ.ร.บ.สถานพยาบาล 2541 จะห้ามสถานพยาบาลโฆษณาประชาสัมพันธ์ หรือยินยอมให้ผู้อื่นโฆษณา หรือประกาศที่เป็นการอวดอ้างสรรพคุณการรักษา เช่น ดีกว่า ดีที่สุด เป็นครั้งแรก หรือเปรียบเทียบผลการรักษา เป็นต้น หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามมาตรา 68 ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และหากยังไม่ระงับการโฆษณาจะปรับเพิ่มอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท นับตั้งแต่วันที่มีเผยแพร่ ซึ่งกรณีที่เป็นข่าวนั้น สบส.จะดูตามตัวกฎหมายว่าที่มีการใช้คำที่เป็นการโอ้อวด รับรองผลการรักษา หรือทำให้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการรักษาหรือไม่ มีการยินยอมหรือไม่ หรือเมื่อทราบว่าบุคคลที่ 3 กระทำการเผยแพร่อย่างนี้แล้วมีคามพยายามในการระงับการเผยแพร่หรือไม่ โดยดูที่ลายลักษณ์อักษรเป็นหลัก หากไม่มีการดำเนินการใดๆ จะถือว่ายินยอมให้มีการโฆษณาแทน
พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า การใช้บุคคลที่ 3 ทำการโฆษณาแทนนั้นเป็นหน้าที่ของ สคบ.ที่ต้องดูแล ซึ่งสำหรับเรื่องนี้ สคบ.ได้บรรจุเข้าไปในวาระการประชุมของคณะกรรมการสคบ.ครั้งหน้า อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีหลายหน่วยงาน ใช้กฎหมายหลายตัวในการดูแลคุ้มครองผู้บริโภค แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ สคบ. -สบส.-แพทยสภา ตำรวจ กองบังคับการ ปราบปรามคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อดูแลกฎหมายร่วมกัน
ที่มา: http://www.siamupdate.com/news-180269

0 comments:
Post a Comment