เมื่อวันที่ 28 ม.ค. นายบุญพาศ รักนุ้ย นายอำเภออ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมด้วยนายธวัชชัย ฉันท์ไพศาลศิลป์ นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ 15 ภูเก็ต เจ้าหน้าที่จากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกระบี่ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี และชาวบ้าน เดินทางไปสำรวจภาพเขียนสีโบราณ ที่บริเวณเพิงผาเขาหลัก บ้านอ่าวน้ำ พื้นที่รอยต่อ ม.2 และม.3 ต.แหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า พบภาพเขียนสีโบราณแห่งใหม่จำนวนมาก สำหรับเส้นทางไปยังจุดที่พบภาพเขียนสี เป็นป่าโกงกางริมเขา รถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้ ต้องเดินเท้าผ่านป่าโกงกางเลียบเขาหินปูน เป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่บริเวณเพิงผา พบซากเปลือกหอยชนิดสองฝาและฝาเดียว อายุหลายพันปีกองเรียงรายตามพื้น และจุดที่พบภาพเขียนสีอยู่บริเวณผนังเพิงผา สูงจากพื้นประมาณ 10 เมตร รวมกว่า 30 ภาพ มีทั้งภาพลายเส้นและเส้นทึบสีแดง ภาพที่พบส่วนใหญ่ร่องรอยเจือจาง มีเพียงประมาณ 3-4 ภาพที่ยังมองเห็นได้ชัดเจน เช่น ภาพคน ในท่าทางคล้ายประกอบพิธีกรรมบางอย่าง ภาพทรงเรขาคณิต และลายเส้น นอกจากนี้ ยังพบภาพเรือสำเภา แต่มีลักษณะสีของภาพเป็นลายเส้นสีดำ คาดว่าอยู่ยุคประวัติศาสตร์ เจ้าหน้าที่จึงบันทึกภาพไว้พร้อมวัดขนาด และบันทึกพิกัดภาพเขียน ทั้งหมดไว้ เพื่อข้อมูลไปรวบรวมรายงานไปยังกรมศิลปากรต่อไป
นายธวัชชัย กล่าวว่า จากการที่มาสำรวจภาพเขียนสีในครั้งนี้ เป็นภาพที่ชาวบ้านเพิ่งค้นพบใหม่เป็นภาพคน ภาพทรงเลขาคณิต บอกเล่าเรื่องราวและกิจกรรมในอดีตของคนในยุคก่อนประวัติศาสตร์อายุ รวม 2,000-4,000 ปี คาดว่าจะเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ หรือจุดแวะพักทำพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับภาพเขียนที่พบในถ้ำผีหัวโต และคล้ายกับภาพที่พบที่แหลมไฟไหม้ เขาเกาะยอ และที่ เขาเตียบ ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ส่วนภาพเรือสำเภาสีดำนั้นคาดว่าอยู่ในยุคประวัติศาสตร์ ซึ่งจะบันทึกเป็นฐานข้อมูลการค้นพบแห่งใหม่ เพื่อนำไปประเมินคุณค่า ก่อนนำเสนอต่อกรมศิลปากรพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งโบราณคดีต่อไป
ด้านนายบุญพาศ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่อำเภออ่าวลึกมีการค้นพบภาพเขียนสีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งที่ยังรอการสำรวจ รวมกว่า 500 ภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ไม่สามารถประเมินค่าได้ ดังนั้น ต้องขอความร่วมมือจากชุมชุนช่วยกันดูแลรักษา ไม่ให้มีการทำลาย หลังจากนี้ก็จะมีการประสานกับท้องถิ่น เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยจะมีการเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวบริเวณใกล้เคียงต่อไป
ที่มา: http://www.siamupdate.com/news-180573


0 comments:
Post a Comment